สรุป พฤษภาคม 2021

เดือนนี้มาเขียนไวกว่าปกติ 5555 คือปกติแล้วจะเขียนหลังจบเดือนไปเกือบสัปดาห์ ค่อยมีเวลาเขียน แต่เดือนนี้ว่างงานมาครึ่งเดือน ก็เลยมีเวลามาเขียนได้ไว 555 และอีกเหตุผลที่มาไวเพราะ อยากเขียน ณ ตอนความรู้สึกเหมือนตอนที่ไปปฏิบัติ สติ สมาธิ

ตอนที่ผมไปฝึก สติ สมาธิ ผมรู้สึกมีความอิ่มเอิบในใจ ไม่ต้องรีบร้อน แต่ก็ไม่เฉื่อยชา หาจุดสมดุลตัวเอง รู้ทันความต้องการตัวเอง ดึงสติและก้าวไปยังเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างมีแบบแผน

ที่กล่าวแบบนี้ เพราะเดือนนี้ผมตกงาน และบริษัทที่ผมคาดหวังก็ปฏิเสธทั้ง 2 ที่ แถมยังเป็นช่วงที่โควิดติดวันละ 2,000+ ไม่มีท่าทีว่าจะลงเร็วๆนี้ แถมสถานการณ์บ้านเมืองก็ตึงเครียด (จะไม่ให้ผมวิตกกังวลกว่าปกติได้ไงละ – -)

แต่ก็นะ เราจะลดความเสี่ยงเหล่านั้นด้วยการวางแผน อิอิ

จบสัญญาที่ BOT

เดือนนี้ผมหมดสัญญาจ้างงานวันที่ 14 พฤษภาคม 2021 ก็ศุกร์สุดท้าย กลางเดือนพอดีครับ ทุกอย่างจบไปได้สวยครับ ถ่ายทอดงาน ส่งเอกสาร อัดวิดีโอ ก็หวังว่าสิ่งที่ทำไว้จะมีประโยชน์กับน้องๆที่มาดูต่อครับ

จริงๆสัญญาผมควรจบตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ทาง BOT เหมือนจะถูกใจผม ก็เลยจ้าง maintain และพัฒนา Phase 3 ต่อด้วย ยืดมายาวมากครับ ค่าจ้างตัวผมก็ไม่ถูกเลย ผมได้ x,000/Day ขนาดว่า G-Able หักหัวคิวแล้วนะ ไม่รู้ว่า BOT จ่าย G-Able เท่าไหร่
ดังนั้น น่าจะงบหมด หรืออาจจะไม่คุ้มที่จะจ้างต่อจริงๆ ผมก็เข้าใจได้ครับ ก็หมดสัญญา และหางานใหม่

ตอนที่ทำงานที่ BOT พี่ๆและผู้บริหารก็เอ็นดูครับ เขารู้ว่าเรากำลังหางาน ก็เลยแนะนำให้ไปทำ KTB ซึ่งผมก็รู้สึกซาบซึ้งมากครับ (จ่ายหนักแถมยังช่วยแนะนำงานให้อีก ถถถถ) ก็ดีครับ ผมจะทำงานให้เต็มที่ไม่ให้เสียคำแนะนำครับ

หางานใหม่

การหางานใหม่ ไม่ง่ายเลย ด้วยตำแหน่งที่สมัครไป Senior Full Stack Developer ซึ่งไม่รู้ว่าแต่ละที่คาดหวังขนาดไหน เช่น คาดหวังว่า Senior แล้วต้องมีปสกดูทีมได้ หรือ Senior แล้วต้อง Code แม่นๆ อัลดุลเอ้ย ถามได้ตอบได้

ในมุมผม ก็คิดว่าทั้งสองอะนะ มันเลยยากมากในการสัมภาษณ์แต่ละบริษัท เพราะตำแหน่งนี้ ไม่มีที่ไหนเลย ที่สัมภาษณ์รอบเดียวผ่าน อย่างน้อยต้อง 2 รอบขึ้นไป เช่น สัมภาษณ์ปสกการทำงาน สัมภาษณ์แบบให้โจทย์แก้ปัญหาโลจิค สัมภาษณ์แบบให้ทำแอปจริงๆ

แล้วก็เหมือนโดนรับน้อง เพราะ ตอนแรกผมไม่รู้เลยว่าจะมีสัมภาษณ์การทำโจทย์หรือทำแอปด้วย ผมไม่ได้เตรียมตัวมาให้ดี
ในวันจันทร์แรก ผมยัดการสัมภาษณ์ปสก 3 ที่รวด และเหนื่อยมาก เพราะมีโจทย์ให้แก้ด้วย วันแรกหมดแรงเลย แถมวันอังคาร,พุธ ก็ดันนัดที่อื่นไว้อีก

สุดท้ายพอจบวันพุธ ผมต้องมานั่งคิดใหม่ว่า จริงๆแล้ว ผมอยากทำงานสายไหนกันแน่

คิดทบทวนและวางแผนใหม่

โดยส่วนตัวแล้วพวก Finance, Insurance ถึงขนาดที่สอบตัวแทนประกันชีวิตเลยทีเดียว 555 แต่ ณ ตอนที่ผมหางาน ผมเลือกแค่ Senior Full Stack ไม่ได้ดูบริบทบริษัทเลยว่างานตรงกับที่เราอยากทำไหม

และตรงนั้นแหละทำให้ผมเหนื่อยกับการเตรียมตัวมาก เพราะทุกครั้งก่อนที่สัมภาษณ์งาน ผมจะทำการบ้านด้วยการไปสืบว่าบริษัทที่เราสมัครนั้น ทำงานเกี่ยวกับอะไร ใช้เทคโนโลยีอะไร มีโปรดักส์อะไรบ้าง สืบลึกจนถึงสภาพการเงินของบริษัทและรายชื่อผู้ถือหุ้นด้วย (การรู้สภาพคล่องบริษัท ทำให้เราประเมินได้ว่าบริษัทนี้การบริหารเป็นอย่างไร ถ้าการเงินดี แสดงว่าผู้บริหารเก่ง)

ผมจึงตั้งคำถามกับตัวเองมากขึ้นว่า ต้องการทำบริษัท Finance หรือ Insurance ต้องการทำบริษัทต่างชาติ หรือแค่ต้องการเพื่อนร่วมงานชาวต่างชาติ ต้องการเพื่อนอังกฤษหรือเพื่อนชาวจีน ต้องการทำงานที่ไทยหรือต้องการรีโลเคท

การตั้งคำถามที่ดี จะนำพามาซึ่งคำตอบที่ถูกต้องที่สุด ผมเชื่อแบบนั้น…

หลังจากที่ผมตั้งคำถามกับตัวเองได้ระดับนึงแล้ว ผมก็เริ่มหางาน แต่หายากมาก ไม่เจอที่ตรง 100% แน่ๆ ซึ่งก็เข้าใจและยอมรับได้ แถมที่ตรง ผมก็ดันไม่ผ่านสัมภาษณ์อีก

ยอมรับและก้าวต่อไป

มี 2 บริษัทที่ผมอยากทำ 1 คือ บริษัท Insurace ซึ่งผมไม่ผ่าน ผมคาใจมาก จนถึงขนาดเมล์ไปถามสาเหตุ แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบกลับมา และอีกบริษัท ทำเรื่อง Decentralized Finance (DeFi) ซึ่งผมก็ไม่ผ่านอีกเหมือนกัน ผมก็คาใจเหมือนเดิมมมม

คือ การที่ไม่ผ่านสัมภาษณ์ ผมยอมรับว่าผมผิดหวัง แต่สิ่งที่มันคงค้างคาใจ คือเหตุผลที่ผมไม่ผ่านการสัมภาษณ์ครับ ผมไม่รู้ผมบกพร่องตรงไหน ผมอยากที่จะแก้ไขจริงๆ ผมไม่ได้โกรธแค้นทางทีมที่ปฏิเสธผมเลย และด้วยตำแหน่งที่ผมสมัครแล้ว มันอาจจะสูงเกินไปสำหรับผม ผมอาจจะติดเงื่อนไขบางอย่าง ผมต้องการรู้เหตุผลจริงๆ

พอเราไม่ผ่าน 2 ที่ ที่ๆเราคาดหวังไว้สูง ย่อมผิดหวังและเสียความมั่นใจเป็นธรรมดา บวกกับความอ่อนล้าจากการเตรียมตัว และสถานการณ์ประเทศไทย (ทั้ง covid ทั้งการเมือง หนักใจจริงจริ๊งงงง) มันเลยทำให้รู้สึกห่อเหี่ยว หมดแรงใจง่ายมาก แต่ด้วยปสกอะนะ เลยรู้ว่าต้องรับมือยังไง

การรับมือกับสภาพจิตใจที่ไม่มั่นคงสำหรับผม คือการออกกำลังกาย อ่านหนังสือ และพูดคุยภาษาจีนครับ อาจจะฟังดูแปลกๆ แต่ผมพิสูจน์ด้วยตัวเองมาแล้วว่า การรักษาตารางเวลาชีวิต+การออกกำลังกาย มันดีสำหรับผมมากครับ ทุกวันนี้ก็ใส่แมสออกกำลังกาย ไม่รู้จะตายเพราะโควิดหรือหายใจไม่ทันกันแนะ และเข้า club house 每天说中文 ครับ 55555

สุดท้าย แม้มันจะลำบาก แต่มันเพิ่งจะผ่านมา 2 สัปดาห์นะ!!! มันยังอยู่ในแผนการที่ผมรับมือไว้อยู่เลย ผมแค่ต้องประคองสติตัวเอง นั้นเหมือนที่ผมกล่าวไว้ข้างต้นครับ ผมเริ่มรู้สึกว่าชีวิตแบบนี้มันไม่แย่เลย จริงๆผมสามารถรับงานเป็น job พร้อมกับทำงานอดิเรกไปพร้อมๆกันได้ ไม่ต้องวิ่งเต้นตามความรู้สึกของคนอื่น ค่าใช้จ่ายเราก็มีแผนรับมือ เทคโนโลยีเราก็เลือกเองได้
เหลือแค่ตัวเราเองนั้นแหละที่จะยอมรับมันและก้าวต่อไป

แผนการเดือนหน้า

แผนการสำหรับเดือนหน้า ผมแบ่งเป็น

  • เรื่องหางาน แน่นอนว่ามุ่งไป Bank, Finance, Insurance แต่ถ้าผ่านไป 2 สัปดาห์แล้วยังไม่ได้ จะปรับแผนเป็น
    • ลดตำแหน่งลง แต่ยังเป็น Bank, Finance, Insurance
    • ไม่ลดตำแหน่ง แต่หาบริษัท Remote บริษัทต่างชาติ เพื่อเป็นใบเบิกทาง PR
  • เรื่องเทคโนโลยี หลังจากที่ตกงาน ผมลองดูแล้ว frontend ไม่ว่าจะ Angular, Vue, React ก็ไม่ตอบโจทย์สำหรับผม ถึงแม้ว่าตลาดจะยังต้องการมาก แต่ผมเชื่อว่า ต่อไป Flutter-Dart จะต้องการมากขึ้น ดังนั้น ผมจึงวางแผนที่จะเขียน Flutter-Web,IOS
    ผมเชื่อว่า Dart จะต้องเกิด และผมคิดว่าผมตัดสินใจถูก เหมือนตอนที่เลือก Golang เมื่อ 6 ปีก่อน
  • เรื่องการเงิน เงินสำรองยังอยู่ในแผน แต่น่ากังวลคือเงินลงทุนใน หุ้น, กองทุน, คริปโต มากกว่า ก็คือ อยากช้อน แต่ต้องระวังเรื่องค่าใช้จ่ายอะนะ – – เพื่อมันมีเหตุฉุกเฉินจริงๆ ผมก็มีประกันไว้แล้ว แต่อะไรก็ไม่แน่นอน (อย่างปีที่แล้วจ่ายค่าซ่อมบ้าน 555 ก็นะอยู่นอกแผน แต่เพราะเราประเมินต่ำไป)
  • เรื่องเรียนจีน เรียนต่อ อ่านหนังสือ ก็คือทำซ้ำๆไปเรื่อยๆไม่รีบ แต่ต้องไม่ทิ้งเด็ดขาด หยุดได้ แต่อย่าหยุดเกิน 2 วัน