เล่าเรื่อง สอบตัวแทนประกันชีวิต

จุดเริ่มต้น

เกิดจากมีไอเดียจะทำโปรแกรมสำหรับนายหน้าประกันภัย
แฟนเล่า pain point ของนายหน้าให้ฟัง แล้วมันน่าสนใจ แต่เรายังไม่เข้าใจ business flow ของประกันภัย ก็เลยเอาตัวเองไปคลุกอยู่กับประกันซะเลย

ผมเริ่มจากปรึกษาตัวแทนของผม ว่าระบบตัวแทนมีอะไรอำนวยความสะดวกบ้าง มีจุดไหนน่าแก้ไขบ้าง

แต่จากที่คุย ก็พบว่า ระบบประกันบริษัทใหญ่ๆ ณ ปัจจุบัน ทำออกมา support ตัวแทนได้ดีแล้ว ทันยุคทันสมัยเลยแหละ

Point หลัก

ด้วยการที่ไม่รู้อะไรเลย ทำให้ตัวแทนเสนอว่าเราควรลองไปสอบตัวแทนประกันชีวิตนะ
ซึ่งเราก็เห็นด้วย win-win ทั้งคู่ ตัวแทนได้ขยายเครือข่าย ส่วนเราก็ได้เข้าใจประกันมากขึ้น

ขั้นตอนการสอบประกัน 1

ขั้นแรก คือ ต้องไปอบรมตัวแทนประกันชีวิตก่อน เพราะกฎหมายกำหนดไว้ให้บริษัทประกันส่งชื่อ ผู้อบรมไปที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ (คปภ)

คปภ คือ องค์กรที่ดูแลบริษัทประกันในประเทศไทย ออกกฎหมายควบคุมเพื่อผลประโยชน์ประชาชน

ถ้าพูดง่ายให้เห็นภาพ คปภ ดูแลควบคุมบริษัทประกัน ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ดูแลควบคุม bank ในประเทศไทย ทำหน้าที่เหมือนกันเลย แค่คนละบทบาท (อ๋อวววว)

ต่อๆ การอบรมใช้เวลาตั้งแต่ 9.00 – 16.00 ได้หนังสือคู่มือ 1 เล่มครับ
เวลาอบรมเป็นวันๆ แต่ถ้าตั้งใจฟัง ก็จะได้ทริกความรู้อยู่แหละ

พออบรมเสร็จ จะได้ใบ Cert มาครับ

ขั้นตอนการสอบประกัน 2

หลังจากอบรมเสร็จ วันถัดมาจะมีสอบตัวแทน ข้อสอบเป็นอัตนัย 60 ข้อ
แบ่งเป็น
1. จรรยาบรรณ 20 ข้อ
2. หลักการประกันชีวิต 20 ข้อ
3. ประมวลผลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยการประกันภัย
4. พระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2535 (แก้ไขปรับปรุง พ.ศ. 2551)

ข้อสอบทำออนไลน์ เหมือนสอบใบขับขี่เลยยย แนะนำให้ดูวิดีโอติวเข้ม และซ้อมทำข้อสอบเยอะๆครับ รับรองสอบผ่านแน่ๆ

หลังสอบเสร็จ

หลังสอบเสร็จก็ให้แจ้งเรื่องกับตัวแทนเรา เพื่อทำเรื่องขอรหัสตัวแทน
การขอรหัสตัวแทน ส่วนใหญ่เฉลี่ยใช้เวลาประมาณ 14 วัน

สรุป

เข้าใจหลักการประกันเยอะขึ้นมากกกกก
คำศัพท์ กฏหมาย ประโยชน์ อ่านความคุ้มครองได้ ซื้อเองใช้เอง นักเลงพอ ไม่ต้องเจอพวกประกันโทรศัพท์ให้วุ่นวาย แบบว่าพอเราเข้าใจ จุดดี จุดเด่น เราก็เลือกว่าแผนชีวิต วางแผนการเงินเราได้

ในมุมของผม การซื้อประกันไม่ใช่แค่ลดหย่อนภาษี แต่มันคือการวางแผนทางการเงิน การที่คุณไม่มีประกัน คุณอาจจะต้องคิดแล้วว่าทำไม? คุณไม่เคยวางแผนการเงินรึเปล่า?
ประกันไม่ได้จำเป็นต้องซื้อตัวท๊อป หรือตัวแทนเสนอเท่าไหร่ก็ซื้อไปเท่านั้น คุณแค่ต้องวางแผน กันเงินบางส่วน แล้วมองหาข้อเสนอที่น่าสนใจ ที่มันพอดีกับเงินของคุณ
ต้องยอมรับว่าเบี้ยน้อยก็คุ้มครองน้อย แต่ถ้าไม่มีเลยมันโคตรเสี่ยงอะ ที่เงินเก็บทั้งหมดจะหายไปกับค่ารักษา (จุดนี้ ถ้าใครเคยเข้ารพ.น่าจะเห็นภาพมาก)

คือไหนๆก็เครียดกับความเจ็บปวดแล้ว ถ้ายังมาเครียดกับค่ารักษาด้วย ตอนนั้นจิตคงตกมากอะ มีเงินประกันนิดๆหน่อยก็ยังดีกว่าไม่มีวะ ผมก็คิดแบบนี้แหละ ถึงได้ซื้อไว้ ส่วนแถมมันก็คือลดหย่อน ก็ยังดีที่รัฐสนับสนุนตรงนี้ (นึกในใจว่าทำไมรัฐไม่สนับสนุนให้ดีกว่านี้ฟร่ะ – -)