ทำสรุปไว้ 12 เดือน พอย้อนกลับมาอ่าน ก็พบว่า รัฐบาลไทยนี่แม่งมาเฟียชัดๆ ทั้งเรื่องศาลตัดสินธรรมนัส ทั้งเรื่องผู้กำกับโจ้
นั้นทำให้ผมตัดสินใจแน่ชัดว่า ผมจะเอาภาษาอังกฤษให้ได้ดี ย้ายประเทศหรืออยู่ไทย อันนี้ก็ไม่แน่ใจ ได้ค่าแรงต่างประเทศแต่ใช้ชีวิตในไทย มันก็อยู่สบายอยู่ครับ
ไตรมาสแรก พบว่าหนักไปเรื่อง ประกันชีวิต ฝึกมวย และภาษาจีน และก็ WFH กันตั้งแต่ต้นปีเลย
ไตรมาสสอง รัฐบาลจัดการโควิดไม่ดี เห็นอะไรที่มันบิดเบี้ยวชัดมากขึ้น จนรู้สึกจิตใจย่ำแย่มาก งดเสพสื่อ แล้วหันมาเล่นกับหลานแทน
หมดสัญญาที่ BOT เลยมีเวลาให้ตัวเองมากขึ้น แต่ดัน lock down ไปไหนไม่ได้
หางานใหม่ มีทั้งผ่านและไม่ผ่าน รู้สึกดีที่ได้ทบทวนตัวเอง และชอบชีวิตที่ไม่ต้องทำงาน 8×5
อ่านหนังสือ ทำงานที่ตัวเองอยากทำ มีความสุขมากๆครับ อยากจะตกงานไปยาวๆจริงๆ (ถ้าไม่มีหนี้อะนะ 5555)
ไตรมาสสามได้งานใหม่ แต่ผมขอพักอีกเดือนนึง 555
พอเริ่มที่ใหม่ก็งานหนักทันที หนักจนลืมทำสรุปประจำเดือน จำได้แค่ลางๆว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
สิ่งสำคัญที่ได้จากช่วงตกงาน คือ ภาษาอังกฤษสำคัญมาก ค่าแรงแพงๆ ยังไงก็มาจากต่างชาติ และแน่นอน มันทำให้ work everywhere ได้
ไตรมาสสี่สมัครเรียนภาษาอังกฤษ เริ่มมีความ work everywhere มากขึ้น ติดลูปกับงานและการออกกำลังกาย
ข่าวดีคือ บังคับตัวเองให้ออกกำลังกายไม่เกิน 3 ชม.ต่อวันได้แล้ว
พอเรียนภาษาอังกฤษทุกวัน ก็เลยได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข่าวสารของชาวต่างชาติ
พบว่าหลายๆคน ไม่ได้อยู่ประเทศบ้านเกิดตัวเอง แต่เลือกที่จะมาประเทศโลกที่สองแทน
โดยให้เหตุผลว่า ประสบการณ์ชีวิต ค่าครองชีพถูกกว่า และภาษาอังกฤษไปที่ไหน สอนที่ไหนก็ได้ มีคนต้องการตลอด
สิ่งที่ต้องแก้ไข
ผมซื้อ course ใหม่ๆเยอะมาก ทั้ง udemy, plura sight, skooldio, english, chinese, finance แต่ไม่สามารถเรียนจบได้ซักกะอัน
พลาดลงทุน crypto ตัวที่เชื่อตามข่าวลือ ไม่ยอมศึกษาเองให้ดี
คิดว่าปีหน้า เริ่ม reskill เพราะเขียนโค้ดเป็นอย่างเดียวเริ่มตกยุคละ
hard skill ที่ดูๆไว้ก็มี Energy Engineering, Electrical engineering
แต่ยังไม่รู้เลยจะแบ่งเวลายังไง? หรือจะใช้สูตรยัดๆไปก่อนดี เดี๋ยวก็หาเวลาได้
สรุป…ผมว่าผมเกลียดรัฐบาลชุดนี้วะ!